10 ขั้นตอน Security ช่วย Dedicated Server ที่ใช้ Windows ปลอดภัย

การใช้ Dedicated Server ที่ติดตั้ง Windows OS เป็นที่นิยมในหลายองค์กร ทั้งเพื่อรันแอปพลิเคชัน, เว็บเซิร์ฟเวอร์ หรือระบบฐานข้อมูล แต่หากละเลยเรื่องความปลอดภัย ก็เสี่ยงต่อการถูกโจมตีจากมัลแวร์, RDP Brute Force, หรือแม้แต่การถูกยึดระบบไปใช้ขุดเหรียญคริปโต

บทความนี้จะสรุป เทคนิคด้านความปลอดภัยที่จำเป็น สำหรับผู้ดูแลเซิร์ฟเวอร์ Windows โดยเรียงลำดับจากพื้นฐานสู่ขั้นสูง เพื่อให้มั่นใจว่าระบบของคุณปลอดภัย และทำงานได้อย่างราบรื่น


1. เปลี่ยนพอร์ต RDP และจำกัดการเข้าถึง

  • ปิดพอร์ต RDP เดิม (TCP 3389) แล้วเปลี่ยนเป็นพอร์ตอื่น เช่น 33989 หรือ 49152+
  • ใช้ Windows Firewall จำกัดการเข้าถึง RDP
  • แนะนำใช้ VPN ก่อนเชื่อมต่อ RDP เพื่อซ่อนตัวเซิร์ฟเวอร์จากโลกภายนอก

2. เปิดการยืนยันตัวตนแบบ 2 ชั้น (2FA)

  • ติดตั้ง Duo for Windows Logon หรือ Rublon
  • เมื่อผู้ดูแลล็อกอินผ่าน RDP จะต้องยืนยันอีกชั้นผ่านมือถือ
  • ลดความเสี่ยงแม้ผู้ไม่หวังดีรู้รหัสผ่านแล้ว

3. ปิด Remote Desktop สำหรับบัญชีที่ไม่จำเป็น

  • ให้สิทธิ์ RDP เฉพาะบัญชีที่จำเป็นจริง ๆ
  • สร้าง Local Admin ใหม่ แล้วปิดบัญชี Administrator เพื่อป้องกันการถูก brute force จากชื่อที่คาดเดาได้ง่าย

4. ตั้ง Group Policy ที่รัดกุม

  • เปิด gpedit.msc แล้วตั้งค่า:
  • ปิดการเข้าถึง Control Panel / CMD / PowerShell ถ้าไม่จำเป็น
  • บังคับให้ใช้รหัสผ่านที่แข็งแรงและมีอายุใช้งานจำกัด
  • ปิด AutoPlay / USB / การ Map Drive อัตโนมัติ

5. เปิด Windows Defender และใช้นโยบาย ATP

  • ตรวจสอบว่าเปิด Real-time Protection, Cloud-delivered protection และ Tamper Protection
  • หากใช้ Microsoft Defender for Endpoint (ATP) ให้ตั้ง Rule แบบ Zero Trust เช่น:
  • Block PowerShell ยกเว้น script ที่ผ่าน signing
  • Block การเชื่อมต่อ IP แปลกจากต่างประเทศ

6. เปิด Audit Logs และส่งออกไปเก็บไว้นอกเครื่อง

  • เปิด Event Logging สำหรับ Security, System, Application
  • ใช้ WEF (Windows Event Forwarding) หรือส่งไปยัง SIEM เช่น Graylog, Splunk
  • จะช่วยตรวจจับพฤติกรรมต้องสงสัย เช่น มีคนพยายามล็อกอินหลายครั้ง หรือเรียกใช้ PowerShell แปลก ๆ

7. ปิดบริการไม่จำเป็น (Hardening)

  • ปิด Services ที่ไม่จำเป็น เช่น Remote Registry, Print Spooler, SMBv1
  • ตรวจสอบด้วย services.msc และ sc query
  • ใช้ CIS Benchmark for Windows Server เป็นแนวทางตั้งค่า Hardening เพิ่มเติม

8. ตั้งค่า Firewall แบบ Inbound-Only

  • อนุญาตเฉพาะ Inbound ที่จำเป็น เช่น RDP (เฉพาะ IP), HTTP(S), Database
  • ปิด Outbound ทั้งหมด ยกเว้นบาง port ที่ whitelist ไว้ เช่น DNS, NTP, GitHub

9. อัปเดตระบบและแพตช์สม่ำเสมอ

  • เปิด Auto Update หรือใช้ WSUS (Windows Server Update Services)
  • ทดสอบแพตช์ก่อน rollout ถ้าเป็น Production
  • ช่องโหว่เก่า ๆ เช่น EternalBlue หรือ PrintNightmare ยังถูกใช้โจมตีบ่อย

10. ใช้เครื่องมือ Monitoring และ Response

  • ติดตั้ง Wazuh หรือ CrowdStrike เพื่อทำการ EDR (Endpoint Detection & Response)
  • ผูกระบบแจ้งเตือนกับ Telegram/Slack หากมีเหตุผิดปกติ เช่น RAM CPU พุ่ง, มี process แปลก




แอดมินสรุปสุดท้าย

Dedicated Server ที่ใช้ Windows หากดูแลไม่ดี อาจกลายเป็นจุดอ่อนของทั้งองค์กร การตั้งค่าด้านความปลอดภัยไม่ใช่แค่ “ติดตั้งครั้งเดียว” แต่ต้องมีการ เฝ้าระวัง, อัปเดต และตรวจสอบอยู่เสมอ

“Security is not a product, it’s a process.” – Bruce Schneier


หากคุณต้องการระบบที่ปลอดภัยสูงสุด ทีมผู้เชี่ยวชาญของ Limitrack พร้อมช่วยคุณตั้งค่า, ตรวจสอบ และวางระบบความปลอดภัยในระดับองค์กร ติดต่อเราได้ที่ https://limitrack.com

ขอบคุณที่ติดตาม

แอดมิน
www.Limitrack.com